กาทำธุรกิจด้วยการเป็นเจ้าของตลาดนัด

เป็นเจ้าของตลาดนัด ทำอย่างไร

ฟังดูอาจจะดูใหญ่ไปแต่ว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ใหญ่มากการที่เรานั้นมีที่แต่ว่าเรานั้นไม่ได้ทำประโยชน์อะไรแต่ถ้าเรานั้นมองแบบนักธุรกิจนั้นอาจเป็นแหล่งที่ทำให้เรานั้นมีกำไลเลยก็ได้เรานั้นก็ไปเปิดเป็นตลาดนัด หรือว่าตลาดเปิดท้าย เพื่อที่จะให้คนที่อยู่แถวนั้นระแวกนั้นได้ออกมาจับจ่ายใช้สอยและนี่ก็เป็นช่องทางการหาเงินอีกหนึ่งอาชีพ ที่เรานั้นไม่ควรที่จะมองข้ามในยุคที่คนฉลาดเลือกเดียวนี้ก็เป็นที่เรานั้นทราบกันอยู่แล้วว่าพฤติกรรมการจับจ่ายของคนเรานั้นมีอยู่ทุกวัน

ดังนั้นถ้าเรานั้นมีที่เรานั้นจะได้เปรียบในการที่เรานั้นจะได้ช่องทางการทำมาหาเงินได้อย่างสบายที่เรานั้นไม่ได้ลงแรงอะไรมากเมื่อที่ตลาดของเรานั้นเติบโตแล้ว อย่างแรกนั้นเรามีที่แล้วเรานั้นต้องปรับพื้นที่ของเรานั้นให้เตียนเรียบ จากนั้นเราก็ไปหา จำพวกพ่อค้าแม่ค้านั้นไปติดต่อเพื่อที่เรานั้นจะให้เขานั้นมาขายที่ในบริเวณพื้นที่ของเรา

โดยที่เรานั้นจะเก็บค่าที่เป็นช่องช่องละเท่าไหร่อันนั้นก็ว่ากัน เรานั้นต้องไปเจาะหาพวกพ่อค้าแม่ค้านั้นให้มาขายที่ตลาดของเราอย่างเช่น ร้านขายเสื้อผ้า  ร้านไก่ของสด ร้านขายของเล่น ร้านขายของกินแบบนี้เป็นเพียงเรานั้นไปบอกกับเหล่าแม่ค้ามีหรอที่พ่อค้าแม่ค้านั้นพลาดและจะชักชวนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้านั้นไปร่วมกันขายอีกด้วย 

     ซึ่งเราเองนั้นก็ต้องมีการจัดโฆษณาเพื่อตามการขับรถไปโฆษณาว่าเรานั้นจะมีการเปิดตลาดนัดใหม่ตรงที่ไหนก็ว่ากันไป โดยที่เรานั้นจะเปิดเป็นตอนเป็นหรือว่าตอนเช้านั้นก็แล้วแต่ อยู่เรานั้นคิดการตลาดโดยที่เรานั้นมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆนั้นมาให้บริการ หรือว่ามาจับจ่ายใช่สอยก็ว่ากันไป 

 โดยที่การที่เรานั้นจะเปิดตัวนั้นเราต้องหาที่เป็นจุดดึงดูดของลูกค้านั้นให้มาจับจ่ายซื้อของของเราโดยช่วงที่เรานั้นเปิดครั้งแรกให้เรานั้นมีวงดนตรีไปเลยเพื่อที่จะให้คนที่มาเลือกซื้อนั้นได้ฟังเพลงและเป็นการประกาศให้รู้ว่าที่ตรงนี้จะเป็นตลาดที่เปิดท้ายขายของกันแล้วลูกค้าที่มาซื้อนั้นก็จะไปบอกต่อว่าตรงนี้เป็นตลาดที่เปิดใหม่และมีของใช้ของกินที่ให้เรานั้นเลือกมากมาย

โดยที่เรานั้นไม่ได้ขับรถออกไปตลาดทางโน้นให้มันไกล นี่ก็เป็นแหล่งอีแหล่งในการเป็นช่องทางในการที่เรานั้นหาเงิน เพื่อที่ว่าในอนาคตนั้นเราก็แค่ให้พ่อค้าแม่ค้านั้นมาวางขายของโดยที่เรานั้นจะเก็บค่าเช่าจากพ่อค้าแม่ค้านั้นในเวลาต่อมาโดยที่เรานั้นไม่ต้องลงทุนอะไรมากแค่เรานั้นมีพื้นที่และแหล่งที่ทำเลในการเปิดท้ายขายของเพียงเท่านั้นเอง 

ขายนาฬิกาแฟชั่นด้วยงบเพียง 3000 บาท

ขายนาฬิกาแฟชั่นด้วยงบเพียง 3000 บาท

ถ้าใครอยากมีอาชีพที่เป็นของตัวเองหรือว่าเอาไว้เป็นเวลาที่เรานั้นว่างจากการทำงานประจำแล้วอยากหารายได้เพิ่มโดยที่เรานั้นมีเงินลงทุนประมาณสักสามพันแล้วหารายเสริมแต่ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไรดีและไม่อยากให้กระทบการทำงานประจำและของที่ขายนั้นต้องสามารถเก็บเอาไว้ได้ไม่ใช่ของกินเพราะว่าถ้าเป็นของกินนั้นจะเสียดังนั้นเราต้องหาอะไรขายโดยที่สามารถเก็บอาไว้ได้และเมื่อเรานั้นมีเวลาที่ว่างหรือว่าวันว่างจากการทำงานก็เอามาขายได้วันนี้เราจะมาบอกเรื่องราวเกี่ยวกับการขายนาฬิกาแฟชั่นด้วยงบที่ไม่เกินสามพันกันว่าต้องลงทุนอะไรแล้วจะขายยังไงและจะไปแหล่งซื้อนาฬกาแฟชั่นที่ไหนวันนี้เราจะมาบอกค่ะ

เมื่อเรานั้นมีงบอยู่สามพันเราจะขายนาฬิกาหรือว่าถ้าเรานั้นลงทุนไปแล้วสามารถได้อะไรบ้างวันนี้นี้จะมาแจงให้ฟังว่าเมื่อเรานั้นมีเงินลงทุนอยู่สามพันสามารถเปิดแพงขายของได้เลยและไปขายตามตลาดนัด เริ่มแรกนั้นเราจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ประกอบไปด้วย 

  1. อุปกรณ์สำหรับตั้งร้าน 1500 บาท
  2. นาฬิกา  1500 ( จะได้ นาฬิกา 20 เรือน )

ในส่วนที่เรานั้นจะตั้งร้านมีอุปกรณ์ตั้งร้านสำหรับการขายนาฬิกาแฟชั่นประกอบไปด้วย ชุดขาตั้งร้าน  ราคา 800 บาทแคร่ไม้ไผ่เอาไว้สำหรับปูบนโครงเหล็กนั้นประมาณ 200 บาทและของอุปกรณ์เกี่ยวกับการตกแต่งเช่นอาทิ ผ้าปูโต๊ะชั้นสำหรับการวางนาฬิกา และอื่นฯ โดยที่มีงบ 500 บาท 

และส่วนนาฬิกานั้นเรานั้นไปรับซื้อมานั้นราคาเรือนละ 50-100 บาทมาแบบว่าคละกันซึ่งเรานั้นจะได้ประมาณ 20 เรือนโดยที่เรานั้นตั้งต้นทุนเอาไว้ให้ 1500 บาท 

เทคนิคการขายนาฬิกาแฟชั่น  ถ้าเรานั้นอยากให้ขายดิบขายดีควรคัดแบบที่ได้รับความนิยมสูงมาขาย สังเกตดีเทลที่หลายคนชื่นชอบ เช่น ประมีการประดับเพชร  หรือว่ากำไลข้อมือ เป็นต้น เพราะว่าดีไซน์ยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่ชอบซึ่งจะสามารถขายได้ง่ายขึ้น ในส่วนของราคาที่เรานั้นจะขายให้เรานั้นบวกต้นทุนเข้าไปครึ่งต่อคร่งอย่างเช่นเรานั้นรับมาราคาต้นทุนประมาณ 50 บาท เรานั้นก็เอามาขายประมาณ 100-120 บาท หรือว่าจะเอาแพงกว่านี้ก็ได้ถ้าเรานั้นเลือกแบบมาโดนตลาดจริงๆ 

แหล่งขายส่งของนาฬิกาแฟชั่น  

ซึ่งเรานั้นแนะนำตลาดสำเพ็งมีนาฬิการาคาแฟชั่นราคาส่งจำนวนมากและส่วนใหญ่นั้นขายแบบยกโหลเรือนละ 50-100 บาท และสามารถคละสีคละลายได้อีกด้วยซึ่งอันนี้ต้องแล้วแต่ละร้านเพราะว่าบางร้านให้แค่สีเดียวแบบยกโหล ซึ่งอันนี้ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของร้านโดยดีไซน์นาฬิกาขายส่งนั้นตลาดสำเพ็งมักจะเน้นแฟชั่นมีให้เรานั้นเลือกมากมาย

อาชีพของคนชอบศิลปะ

หลายๆคนคงเคยมักได้ยินคำพูดที่ว่า “เรียนศิลปะแล้วได้อะไร” “เรียนศิลปะจบไปทำงานอะไร” เชื่อเลยว่าทุกๆคนที่ชอบงานศิลปะ กำลังจะตัดสินใจหรือกำลังเรียนศึกษาในศาสตร์ของศิลปะอยู่คงหนีไม่พ้นคำถามเหล่านี้อย่างแน่นอน เพราะถ้านำไปเทียบกับศาสตร์วิทย์-คณิตที่ในหลากหลายสาขาวิชาศึกษากันอย่าง แพทย์ วิศวะ จะดูมีงานทำที่จะสามารถรองรับและมั่นคงกว่า พ่อแม่และผู้ปกครองหลายๆคนจึงอยากให้บุตรหลานของตัวเองนั้นเรียนทางด้านศาสตร์วิทยาศาสตร์มากกว่าศิลปะ

แต่นั้นอาจจะไม่ใช่ความต้องการของใครสักคน เพราะแต่ละคนนั้นมีความชอบและความสามารถที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับใครที่ชอบศิลปะ คุณควรที่จะความคิดที่กาลไกล ตั้งเป้าหมายว่าคุณเรียนศิลปะเพื่ออะไร เพื่อประกอบอาชีพทางด้านนี้ หรือเพียงแค่มันเป็นกิจกรรมยามว่างที่คุณทำแล้วชอบเพียงเท่านั้น หากแต่ว่าคุณมั่งใจที่เดินสายอาชีพของศิลปะแล้ว

เราจะมาแนะนำอาชีพให้เหมาะสมกับคุณเพื่อคุณได้เลือกเส้นทางสู่สายอาชีพที่อยากจะทำในอนาคต

ธุรกิจสกรีนเสื้อ แน่นอนว่าเสื้อผ้าเป็นสิ่งของจำเป็นต่อทุกๆคน คงไม่มีใครออกไปไหนโดยไม่ใส่เสื้อผ้ากันใช่ไหม นั้นแหละเพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสวมใส่ เสื้อที่มาพร้อมกับลวดลายมักจะทำให้รู้สึกดึงดูดตา เพียงแค่คุณลองออกแบบจินตนาการลวดลายลงบนเสื้อผ้า คุณก็จะสามารถสร้างอาชีพขึ้นมาได้แล้ว

กราฟิกดีไซน์ หากคุณชอบงานกราฟิกอาชีพนี้ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย นอกจากจะได้นำศิลปะจากจิตนาการคุณมาเสริมสร้างผลงานแล้ว คุณอาจจะต้องเรียนรู้ทางด้านโปรแกรมเพิ่มเติม แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่อยากไปสำหรับคุณหรอก

ช่างแต่งหน้า ใครบอกว่าการแต่งหน้าไม่ใช่ศิลปะ เป็นศิลปะที่ล้ำลึกเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ เพราะอาชีพนี้คุณจะต้องเจอกับคนที่มีสีผิวที่แตกต่างกันอย่างมาก เราจะต้องทำการวางแผนว่าคนๆนั้นจะเหมาะกับการแต่งหน้าด้วยโทนสีอะไร อยากจะบอกว่าอาชีพนี้ยังเป็นความต้องการอย่างมากในตลาดแฟชั่น การถ่ายแบบ ละคร วงการบันเทิงต่างๆ

ช่างสักลาย อาชีพนี้เริ่มเยอะขึ้นมากในปัจจุบัน คนอาจจะคิดว่าใครๆก็ทำได้แหละ แต่ความจริงแล้วอาชีพนี้ไม่ใช่ใครที่จะเปิดธุรกิจนี้ได้นะ คุณจะต้องมีสมาธิกับสิ่งๆนั้นเป็นอย่างมาก เพราะการวาดลวดลายลงบนร่างกายนั้นจะต้องใช้ความแม่นยำเป็นอย่างมาก

เปิดสอนศิลปะ ในเมื่อคุณได้เรียนได้ศึกษาศาสตร์ทางด้านศิลปะมาแล้ว แน่นอนว่าความรู้ที่คุณมีนั้นจะต้องมากอยู่พอเป็นสมควร มันคงจะดีนะถ้าหากคุณได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ผู้อื่น อาชีพเปิดสอนศิลปะหรือเป็นครูสอนศิลปะในโรงเรียนก็ไม่เลวนะ เพราะคุณจะได้เห็นคนที่รักศิลปะแบบคุณเพิ่มด้วย

วิธีการทำหมูกรอบง่ายนิดเดียว

วิธีการทำหมูกรอบแบบง่ายๆมีดังต่อไปนี้

ใครที่ชอบกินหมูกรอบนั้นก็อาจจะลดน้ำหนักกันอยากหน่อยนะค่ะด้วยเพราะหน้าตาที่หน้ากินและเสียงที่กรอบๆที่ยั่วๆนั้นทำให้ลายแตกแล้วอย่างนี้ใครจะอดใจไหวใช่ไหมพรุ้งนี้ค่อยลดน้ำหนักก็ได้อะไรแบบนี้หรือเปล่าค่ะ บางนั้นชอบกินหมูกรอบแบบจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดขอบอกเลยนะค่ะว่าแซบอย่าบอกใคร และในการที่เรานั้นจะทำการหมูกรอบนั้นต้องมีขั้นตอนในการทำเพราะว่าการทำหมูกรอบนั้นมีหลากหลายวิธีเพราะว่าการทำแต่ละวิธีนั้นจะได้หมูกรอบที่กรอบนานเหมือนที่เรานั้นจะบอกสูตรทำหรือเปล่า การทำหมูกรอบนั้นบางคนก็ไม่รู้วิธีในการทำเพราะว่าอาจจะทำให้อมน้ำมันและบวกกับการทำให้หมูกรอบนั้นแข็งอีกด้วย เราอยากให้คุณนั้นนึกถึงการที่เรานั้นกินข้าวร้อนๆแล้วมีหมูกรอบสับเป็นชิ้นแล้วก็น้ำจิ้มแจ่ว หรือว่าน้ำจิ้มซีฟู๊ดนั้นจะเหนือคำบรรยายอะไรอีก แล้วกินกับข้าวร้อนๆ โห้ฟินเว่อรอ่ะค่ะ 

หรือว่าเรานั้นจะทำกระเพาะหมูกรอบ มีผักถั่วฝักยาวใส่ลงไปนิดหน่อยเพื่อให้ดูสวยงาม แล้วพัดกับหมูกรอบนะ หืม อร่อย งานนี้นะค่ะคำว่าอ้วนนั้นต้องตัดทิ้งไปก่อนขอกินก่อนได้ไหม ขั้นตอนในการที่เรานั้นจะทำหมูกรอบนั้นไม่อยากเลยเราจะบอกว่ามีอะไรบ้าง การที่เรานั้นจะทำหมูกรอบนั้นเราต้องเตรียมหมูสามชั้นที่สวยๆสักชิ้นนึงก่อนเราเลือกที่ที่เนื้อนั้นไม่ขาดนะค่ะเป็นสามชั้นจริงๆ ค่ะเราจะมาบอกวิธีในการทำหมูสามชั้นกันค่ะ 

ขั้นตอนแรกนั้นเราต้องเตรียมอุปกรณ์

  • สิ่งแรกหมูสามชั้น 
  • น้ำมันพืช
  • เกลือ
  • น้ำส้มสายชู 

วิธีในการทำหมูกรอบ 

  • ต้มน้ำร้อนในหม้อและใส่เกลือลงไปพอประมาณนะค่ะกะเอาค่ะ จากนั้นก็รอน้ำต้มให้เดือดจากนั้นเราก็ใส่หมูสามชั้นที่เรานั้นเตรียมไว้ต้มลงไปสักครึ่งชั่วโมง 
  •  เมื่อเรานั้นต้มหมูสามชั้นนั้นสุกแล้ว ให้นำหมูสามชั้นมาทาด้วยน้ำส้มสายชูเวลาที่เรานั้นทาน้ำส้มนั้นเราทาที่หนังของหมูจากนั้นเราก็ใช้ช้อนส้อมนั้นจิ้มลงไปให้ทั่วหนังหมู
  • จากนั้นเราใช้มีดที่คมหน่อยจากนั้นเรากรีดลงไปที่หนังของหมูแต่ว่าไม่ต้องลึกมาก
  • แล้วจากนั้นเราก็นำหมูสามชั้นไปตากแดดให้หนังหมูนั้นแห้งแล้วนำมาทอดครั้งที่1
  • จากที่เรานั้นทอดครั้งที่ 1 แล้วเราต้องพักให้หมูสามชั้นนั้นแห้งจากน้ำมัน พอครั้งนี้จะทอดครั้งที่ 2 นั้นเราต้องเอาช่วงหนังของหมูนั้นทอดก่อนจากนั้นก็ทอดให้ทั่วจากนั้นด้านล่างจะสุกทั่วให้เหลืองกรอบ
  • เสร็จแล้วจากนั้นก็รอให้เย็นลงหน่อยจากนั้นเราก็หั่นใส่จาน