การตลาดบน FACEBOOK ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า คุณใช้ FACEBOOK ทำการตลาดจริงจังแค่ไหน ซึ่งสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ ก็เพราะบางคนเปิด FAN PAGE
มาเพื่อแค่ให้ลูกค้าว่าฉันมีตัวตนนะ แต่พอเปิดเสร็จแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณทำการตลาดบน FACEBOOK แล้วมันไม่ปังสักที บางคนถามว่า เพจของฉันมีเพื่อนตั้งเป็นหมื่นๆ คน แต่ทำไมเวลาโพสต์อะไรไปไม่เห็นมีใครช่วยแชร์ แล้วกดไลค์ หรือ Comment กันเข้ามาบ้างเลย
ซึ่งคำตอบก็คือ การที่คุณมีเพื่อนเป็นหมื่นๆ คนนั้น ไม่ได้หมายความว่า เมื่อคุณโพสต์อะไรลงไปในกระดานข่าวแล้วนั้น คนทั้งหมื่นคนที่เป็นเพื่อนของคุณนั้น จะเห็นโพสต์ของคุณ เพราะระบบของ FACEBOOK เค้ามีการวัดค่าคะแนนกันอยู่ ซึ่งค่าคะแนนนั้นเรียกว่า “Edgerank” ซึ่งทำหน้าที่คล้ายๆ กับ Page Rank ของ Google นั่นเอง ซึ่งถ้าค่าคะแนนของเจ้าตัวนี้สูง การโพสต์ในแต่ละครั้งของเราก็จะทำให้เพื่อนๆ ของเราเห็นมากขึ้นนั่นเอง โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เราลองคิดกันง่ายๆ ว่า คนที่ใช้บริการ FACEBOOK ทั่วโลกมีกันหลายล้านคน ดังนั้น พี่มาร์ค ก็คงไม่ปล่อยให้ใครก็ได้มาโพสต์กันมั่วๆ แล้วข่าวสารก็เยอะแยะเต็มไปหมด จนควบคุมอะไรไม่ได้ นั่นก็เลยเป็นสาเหตุให้เกิดการคำนวณค่าคะแนนตัวนี้ขึ้นมา
คราวนี้ก็เลยมีคำถามว่า แล้วค่าคะแนนนี้ระบบของพี่มาร์ค เค้านับกันอย่างไร ซึ่งต้องอธิบายว่าค่าคะแนนนี้ไม่ได้วัดกันที่ระดับของผู้ใช้งานหรือวัดกันที่ Page แต่จริงๆแล้ววัดกันที่ ระดับของการโพสต์ ซึ่งการโพสต์นี้ คือรวมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อความ ภาพนิ่ง หรือวิดีโอ และที่สำคัญคือ ค่าคะแนนตัวนี้มีเพิ่มและก็มีลดลงด้วยนะ ซึ่งทางระบบ FACKBOOK ก็มีสูตรคำนวณคิดคะแนนด้วย แต่ได้โปรดอย่าถามว่า บวกลบคูณหาร คิดอย่างไร เพราะตรงนี้เป็นความลับของเค้า จะบอกได้แค่ว่าเค้าเอาจุดไหนมาคิดคะแนนบ้างเท่านั้นเอง ซึ่งเราลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
Affinity คือ ระบบจะดูว่าคุณมีความใกล้ชิดกับผู้อ่านแค่ไหน ยิ่งถ้าผู้อ่านคนนี้เคยมีการ active กับเราไม่ว่าจะเป็นการกดไลค์ กดแชร์ หรือมีการ Comment ก็จะส่งผลให้ค่าคะแนนสูง
Weight อย่าแปลว่าน้ำหนักในที่นี้ แต่มันหมายถึงถ้าโพสต์นั้นที่เราลงไป มีการ Comment หรือ กด Like และ Share กันมาก โพสต์นั้นก็จะมี Weight มาก Time Decay หมายความว่า ยิ่งนานไป โพสต์ที่เคยลงไปก็ยิ่งมีความสำคัญลดน้อยลงไปเรื่อยๆหายสงสัยกันแล้วใช่ไหม
สนับสนุนโดย. ufabet เว็บหลัก