สาเหตุที่ธุรกิจทำประกันน้อยลงเพราะอะไรไปดูกันเลยหลังจากการเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี2564ประเทศไทยเองต้องบอกเลยว่าถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีเสี่ยงสูงต้อภัยพิบัติต่อธรรมชาติหลายคนคิดว่าความเสี่ยงสูงแบบนี้เราก็ต้องทำประกันแล้วสิ
ทำไมถึงทำประกันน้อยลงแล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยอย่างเดียวทั่วโลกเองก็เผชิญกับภัยพิบัติธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นแต่ในต่างประเทศเขาอาจจะเจอภัยพิบัติททางธรรมชาติที่รุนแรงหลากหลายรูปแบบกว่าเราเยอะที่บ้านเราอาจจะน้ำท่วมภัยแห้ง
แต่ต่างประเทศเจอน้ำท่วมหิมะดินโคลนไฟป่าสารพัดน่ากลัวกว่าบ้านเราเยอะ ถ้าหันมาดูบ้านเราจะเห็นว่าค่าเบี้ยประกันมันก็เลยเพิ่มมากขึ้นนั่นเองพอเป็นเจ้าของโรงงานก็ต้องชั่งน้ำหนักแล้วว่าการที่ฉันจะต้องเสียในแต่ละปีแล้วก็ต้องมารอลุ้นอีกว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิดอันนี้ก็เป็น
สิ่งทีทางบริษัทเขาต้องมีการพิจารณาแต่มันก็มีหลากหลายรูปแบบคือถ้าเป็นการซื้อถามว่ามีบางบริษัทซื้อก็ซื้อแต่อาจจะเลือกแบบคุมครองที่มันไม่100%เพื่อกำหนดให้เบี้ยประกันมันไม่ต้องเยอะจ่ายน้อยแต่ว่าเวลาเคลมมันก็จะได้น้อยตามที่จ่ายด้วยต้องรับสภาพมันอาจจะไม่ได้โคบเวอร์ทั้งหมดเช่นถ้าเราจ่ายเยอะมันก็จะเคลมโคบเวอร์ทั้งหมด
แต่ถ้าเราจ่ายน้อยอาจจะโคบเวอร์อยู่ที่ประมาณ10-20%ตรงนี้ก็ถือวาต้องรับสภาพนี้ไปเพราะฉะนั้นการซื้อประกันระยะหลังก็มีการแย่เหมือนกันแยกว่าเป็นประกันภัยธรรมชาติประกันอื่นๆแต่ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็เติมเข้าไปจ่ายเงินเพิ่มซื้อเพิ่มไป
ซึ่งบางรายเขาไม่ซื้อไงเพราะเขาไม่ไหวแต่ทีนี้ก็ต้องมีคำเตือนถ้าเป็นในกลุ่มคนที่เชี่ยวชาญหรือว่าอยู่ในตลาดมานานเขาก็บอกว่าจริงๆแล้วตอนนี้มันคาดการณ์ไม่ได้มันเป็นความไม่แน่นอนถ้าสมมุติว่ามันเกิดขึ้นอีกทีนึงเช่นนิคมบางปูคาดคิดหรือไม่วาน้ำจะท่วมสูงหนึ่งเมตรขนาดนี้แถมจริงๆแล้วตรงนี้อาจจะเป็นแค่สัญญาณเตือนก็ได้เราก็ไม่ทราบว่าในท้ายที่สุดมันอาจจะมีอะไรอย่างอื่นที่ตามมาหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นจริงๆการทำประกันภัยมันก็จะมีข้อดีแบบนี้แหละมันเป็นการโอนความเสี่ยงให้กับบริษัทประกันภัยแล้วตามธรรมชาติบริษัทประกันก็กระจายไปต่างประเทศอีกเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของเขามันก็ขึ้นอยู่กับมูลค่าต่างๆด้วยว่ามันมีการซื้อมากน้อยแค่ไหนอย่างไรแต่อย่างก็ตามถ้าเราไปดูไปสะท้อนจากปี2564ตอนน้ำท่วมใหญ่บ้านเราวันนั้นถือว่าทุกคนยังจดจำกันได้ดีเลย
สนับสนุนเรื่องราวโดย. ufabet เว็บไหนแตกดี